วันนี้ กินพุงกาง มีสูตรการทำ บัวลอยแก้วเผือกกะทิสดใส่มะพร้าวอ่อน สามารถต่อยอดทำขายได้เลยนะคะ แบ่งปันโดยคุณ กชพร อรเอี่ยม มีเทคนิคและเคล็ดลับความอร่อยบอกอย่างละเอียด อย่าลืมเก็บไว้ไปลองทำกินกันนะคะ ไปดูวิธีทำกันเลยค่ะ
วิธีทำตัวบัวลอยแก้วเผือก
1.นำเผือกมาหั่นเต๋า ให้มีขนาดพอดีไม่เล็กเกินไปหรือใหญ่เกินไป (ถ้าเล็กมากไปจะเละง่าย ถ้าใหญ่ไปก็จะสุกยากเสี่ยงที่บัวลอยจะแข็งไม่นุ่มละมุนค่ะ)
2.นำเนื้อเผือกที่เราหั่นไว้แล้วมาต้มให้สุกประมาณ 50% อย่าให้สุกนิ่มมากนะคะเพราะเดี๋ยวตอนที่เรานำมาคลุกแป้ง มันจะเละซะก่อน
3.หลังจากที่ต้มเผือกสุกได้ที่แล้ว นำมาคลุกกับแป้งมันเลยค่ะ คลุกตอนที่ร้อนๆเลยนะคะ อย่าให้สะเด็ดน้ำมากเดี๋ยวแป้งจะไม่ติดตัวเผือก เม็ดจะไม่สวยค่ะ
4.หลังจากนำเผือกคลุกแป้งแล้ว ให้ร่อนแป้งส่วนที่เกินออกจากตัวบัวลอยเผือก แล้วแยกไว้ เตรียมที่จะต้มอีกครั้ง
5.ตั้งน้ำให้เดือดนำเผือกที่เราคลุกแป้งไว้ มาต้มค่ะ พอตัวแป้งลอยขึ้นมาให้ทิ้งเวลาไว้สัก 2-3 นาที จนแน่ใจว่าเผือกข้างในนิ่มสุกดี แล้วตักขึ้นมาน็อกในน้ำเย็นค่ะ เป็นอันเสร็จนะคะ สำหรับตัวบัวลอยแก้วเผือก
สูตรน้ำกะทิ
-ตัวกะทิ 800 กรัม
-น้ำมะพร้าว 200 กรัม(ยิ่งเป็นมะพร้าวน้ำหอมยิ่งดีค่ะ)
-น้ำตาลทรายขาว 160 กรัม
-น้ำตาลมะพร้าว 100 กรัม
-เกลือป่น 1 ชช.
-เนื้อมะพร้าวอ่อน ใส่ตามชอบเลยค่ะ
-ใบเตยมัด
วิธีทำ
-ต้มน้ำมะพร้าวใส่ใบเตยมัด น้ำตาลทรายขาว น้ำตาลมะพร้าว เกลือป่น คนให้น้ำตาลละลาย พอเริ่มเดือดใส่กะทิ แป้งบัวลอย และเนื้อมะพร้าวอ่อนลงไป ต้มต่อให้กะทิเดือดปุดๆไม่ต้องเดือดแรงมากและช้อนฟองออกปิดไฟ
ปล. ถ้าใช้กะทิคั้นสดไม่อยากให้ขนมเสียเร็วให้ผสมกะทิกล่องเข้าไปค่ะ หรือจะใช้กะทิกล่องเลยก็ได้ แต่กะทิสดจะหอมมันอร่อยกว่า นะคะ มีข้อดีข้อเสียต่างกันไปเลือกใช้ตามที่เราสะดวก
สูตรน้ำกะทิที่ร้านจะใส่น้ำตาลมะพร้าวด้วยค่ะ เพราะทำให้น้ำกะทิหอม หวานละมุนมากขึ้น จะไม่หวานแหลมๆอย่างเดียวเหมือนน้ำตาลทรายขาว เป็นที่ถูกใจของหลายๆคนที่ได้ทาน มักจะถูกใจและชมกันว่าขนมที่ร้านไม่หวานมาก หวานกำลังดี ค่ะ
บางคนถามว่า แล้วทำไมใส่น้ำตาลมะพร้าวแต่กะทิยังขาว ?
– กะทิจะออกเหลืองมากน้อย ขึ้นอยู่กับปริมาณของน้ำตาลมะพร้าวที่ใส่ และสีของน้ำตาลมะพร้าวแต่ละแหล่งผลิตด้วยนะคะ จะเห็นว่าบางทีน้ำตาลมีสีน้ำตาลแก่ เข้มจัด จนไปถึงอ่อน แต่ของที่เบลใช้น้ำตาลสีเหลืองอ่อนนวลๆ จึงไม่รบกวนสีของน้ำกะทิมากค่ะ
ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความ เรียบเรียงโดย กินพุงกาง
ขอบคุณสูตรและภาพประกอบ คุณกชพร อรเอี่ยม
